บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ทฤษฎีป่าไม้

    
     ถ้าการ "เล่นหุ้น" เปรียบเสมือน "ต้นไม้นานาพรรณ" ที่ขึ้นปกคลุมในป่าใหญ่ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ดิน ฟ้า อากาศ ฯลฯ "ตัวเรา" คงเป็นเพียง "พันธุ์ไม้เล็กๆ" ที่ต้องพึ่งพิงผืนป่าและ "บุคคล หรือ กลุ่มเงินขนาดใหญ่" ก็คงเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่นับวันมีแต่จะเติบโต และหยั่งรากลึกขึ้นทุกวัน ดังนั้นต้นไม้เล็กๆ อย่างเราคงหนี้ไม่พ้นที่จะต้องอาศัยประโยชน์จากต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ให้มากที่สุด 
คำถามคือ และจะทำอย่างไรให้เรากลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ได้ คำตอบก็คือ พัฒนาและก็พัฒนา และไอ้คำว่า"พัฒนา"มันคืออะไร มาดูกัน...
1.พัฒนาตนเอง

  • อารมณ์และจิตใจ ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ และมันคือยังไง มันก็คือ เราต้องดึงอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุการณ์นั่นให้ได้ สเต็ป คือ ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ๆ เราต้องรู้ว่าจะต้องทำยังไง 1 2 3 4 เพื่อให้เราเอาตัวรอดและกำเงินออกมาจากตลาดนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก ห้ามเสียดาย เอาอารมณ์ให้เป็นกลางที่สุด ให้ยึดคำว่า "ได้ดีกว่าเสีย" ถ้ามีโอกาสได้มากก็ต้องเอาให้มากที่สุด
  • วินัย กล่าวคือเมื่อถึงจุดที่ควรขายก็ควรต้องขาย คำถามคือจะขายตอนเสี่ยงมาก หรือเสี่ยงน้อย เสี่ยงมาก คือ คุณอยู่ในจุดที่กำลังจะขาดทุนแล้วแต่ไม่ยอมขาย วิธีแก้คือ ให้รีบขายซะ เพราะได้น้อยดีกว่าขาดทุนอยู่แล้วเสี่ยงน้อย คือ คุณมีโอกาสได้กำไรมาก ถ้าคุณเลือกที่จะขายและตัดความเสี่ยงนั่นลงซะ 
   ***เพิ่มเติม หาคนนั่งเล่นกับคุณซะ และพยายามคุยกันและปรึกษากัน (ต้องจริงจังและเชื่อคำแนะนำนั้นด้วย)
2.พัฒนาความรู้ เรามาดูกันว่าควรพัฒนาความรู้ด้านใดบ้าง หลักๆก็คงหนี้ไม่พ้นเรื่องปัจจัยพื้นฐานกับปัจจัยทางเทคนิค แต่เราจะเน้นเฉพาะที่สำคัญเท่านั้น

  • ราคาต่ำสุด-ราคาสูงสุด บอกอะไร ราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดบอกถึงช่วงของราคาที่วิ่งระหว่างวัน เราสามารถใช้ประเมินหุ้นได้ว่า..หุ้นตัวนั้นมีช่องของราคาที่วิ่งขึ้นและลงตลอดทั้งวันเท่าไร ซึ่งเราจะนำมาใช้ประเมินช่วงที่จะเล่นหุ้น ยิ่งช่วงมากโอกาสในการทำกำไรก็มากตามไปด้วย
  • จังหวะในการซื้อ อันนี้สำคัญมากเพราะเป็นช่วงชี้เป็นชี้ตายเลย ใครที่เล่นไม่เป็นและยังลุยเข้าไปในจังหวะที่ผิด นั้นก็แสดงว่าท่านคงต้องขาดทุนแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้หุ้นถ้าจะทำกำไรจริงๆ เขาเล่นกันเป็นวินาที เผลอเล่นแบบไม่มีสติ 2 วิ.ก็ทำให้คุณขาดทุนจนต้องถอนตัวออกจากตลาดก็เป็นได้ เพราะเดี๋ยวนี้สัญญาของหุ้นแต่ละตัวก็ใช่ว่าจะเป็นแบบเดิมเสมอไป ดังนั้นจังหวะการเข้าซื้อถ้าจะเล่นเป็นรอบๆภายในวัน หรือซื้อถือไม่เกิน 3 วัน ต้องวิเคราะห์ลึกลงไปถึงปริมาณการซื้อขายภายในวันด้วยหรือเรียกว่า Bid-Offer ระหว่างวัน คู่กับการดูกราฟหรืเส้น(Trend line)..ต้องเล่นในช่วงขึ้นเท่านั้นและหุ้นต้องขึ้นมากสุดไม่เกิน2-3วันด้วย โดยกลยุทธนี้ต้องใช้ความชำนาญมาก บวกกับการคิดวิเคราะห์ให้ทันกับเวลาและที่สำคัญ คือการตัดสินใจ(ในจุดวิกฤต)ต้องเร็ว และเราจะฝึกวิธีต่างๆเหล่านี้ได้อย่างไร..ไม่ยาก..คุณก็ต้องพยายามดูกราฟให้มากๆ ติดตามหุ้นที่มีการเคลื่อนไหลบ่อยๆ คิดและก็วิเคราะห์ตามวันนึงคุณก็จะคล่องและเก่งเอง
  • ราคาเปิด อันนี้เป็นกลยุทธ์ของคนที่ต้องการจะให้เราเล่นตามเกม โดยวิธีการคือ การทำให้หุ้นเปิดกระโดด(+2+3+4)... จะทำให้หุ้นตัวนันน่าสนใจสำหรับคนทั่วไปได้ง่าย คนก็จะแห่เข้ามาเล่น มันก็ง่ายสำหรับคนที่รู้ก่อน สมมติเราเห็นว่ามันกำลังขึ้นเราก็เขาไปซื้อ แต่ต้องดูด้วยว่ามันจะขึ้นแน่ คือ หุ้นกำลังขึ้นและไม่มีสัญญาขายออกมา โดยดูจากการเทขายและการตั้งBid-Offer ไล่ซื้อ วิธีการ คือเข้าไปดูกราฟหุ้นตัวนี้ให้เร็วที่สุด(กรณีที่เราไม่รู้จักหุ้นตัวนี้เลย)ดูว่ากราฟเป็นทิศทางที่จะขึ้นมัย ถ้าขึ้นให้ดูต่อว่าขึ้นมาแล้วกี่วัน ผมให้เกณฑ์คร่าวๆว่าถ้าขึ้น1 วันมาแล้วอันนี้พอเข้าไปซื้อเล่นได้ แต่ต้องออกให้เร็วที่สุด ห้ามถือข้ามวัน ถ้าจะให้ลึกก็ไปดูว่าระหว่างขึ้นมาแล้วกี่รอบ ถ้า 2 รอบแล้วอย่าเล่นเด็ดขาด ความเสี่ยงสูง สรุปคือ ราคาเปิดก็เป็นสัญญาที่จะเข้ามาช่วยในการเลือก และเข้าซื้อ โดยการเข้าซื้อจะต้องดูกราฟและBid-Offerคู่กันเสมอ
  • Top Gainer, Most Active Volume, Most Active Value เราะใช้ทำอะไร.. เราใช้ติดตามหุ้นที่น่าสนใจ มันช่วยให้เราง่ายขึ้นในการค้นหาหุ้นเด่นและทำให้ทราบว่าหุ้นตัวไหนในตลาดกำลังมีการเคลื่อนไหว
  • กราฟ สืบเนิ่องจากเมื่อเราได้หุ้นที่น่าสนใจแล้ว เราก็จะนำไปหาทิศทางการเคลื่อนไหวในรูปแบบของกราฟ ข้อนี้สุดแท้แต่ว่าจะใช้ทฤษฎีกราฟไหนเข้ามาช่วย แต่ไม่ว่าจะใช้ทฤษฎีอยากจะให้เน้นไปที่ทิศทาง(trend line)ของหุ้นให้มากๆ ว่าเป็นขาขึ้นหรือลง และถ้าขึ้น ขึ้นมากี่วันแล้ว จะได้หาจังหวะเข้าเล่นได้ถูก และก็มั่นฝึกฝนรูปแแบของกราฟต่างๆให้บ่อย ว่าถ้ากราฟแสดงออกมาอย่างนี้ อย่างนั้นมันบ่งบอกถึงอะไร และมันสะท้อนให้เราต้องทำอย่างไร เพราะกราฟเป็นสะท้อนภาวะของหุ้นที่เราต้องนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับเราให้มากๆ
  • ตลาดต่างประเทศ เน้นตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะตลาดต่างประเทศจะเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ในการกำหนดทิศทางตลาดบ้านเรา หมายเหตุ..เราจะไม่เน้นไปสนใจภาพรวมมาก แต่จะให้มองว่าตลาดหุ้นมักจะเป็นตัวสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศนั้นเสมอๆ
  • ปริมาณการซื้อขาย bid- offer...การเล่นหุ้นสไตล์นี้ Volume เป็นตัวที่สำคัญมาก เพราะมันสะท้อนได้หลายอย่างว่า หุ้นตัวนี้มีใครที่เล่นอยู่บ้าง ซึ่งเราจะนำมาใช้วิเคราะห์ว่าเราควรเล่นหรือไม่ แต่Volume ที่ควรเป็นและเล่นได้อยู่ในช่วงระหว่าง 100,000-1,000,000 ไม่เกินนี้



***สุดท้าย..ใครที่จะเล่นหุ้นสไตล์นี้ต้องยอมรับให้ได้ว่ามันมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมาก 
ดังนั้นถ้าใครจะเล่นต้องฝึกให้ชำนาญจริงๆให้ได้ก่อน มันอาจต้องใช้เวลาและความอดทนมากแต่ก็คงไม่อยากเกินความสามารถของเรา
*****วิธีการเหล่านี้เป็นแค่หลักการ วิธีการที่จะนำมาจำกัดความเสี่ยงเท่านั้น ไม่แนะนำสำหรับคนที่พึ่งหัดเล่น..ยังมองทิศทางตลาดไม่ได้..และยังไม่มีความรู้เรื่องปัจจัยพื้นฐาน เทคนิคมาก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มีข้อสงสัยสามารถแสดงความคิดเห็นเข้ามาได้ครับ เรายินดีตอบกลับให้...